top of page

ความคิดเห็นในฟอรัม

การบริหารงานภาครัฐแนวใหม่รวมถึงการบริหารจัดการการเงินและการคลังกับความเป็นธรรมาภิบาลในยุคปัจจุบัน
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
12 มิ.ย. 2565
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง63423471141 การบริหารภาครัฐให้สอดรับกับระบบธรรมาภิบาลจึงมีความจำเป็นอย่างมากโดยต้องเน้นพัฒนาคนให้สอดคล้องกับหลักการสำคัญของ ระบบธรรมาภิบาล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ประการแรก ให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรม (Rule Of Law) การบริหารงานภาครัฐต้องบริหารงานโดยยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญซึ่งหลักนิติธรรมนี้จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทสภาพแวดล้อม ของสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงวิถีชีวิตของคน กลุ่มคน องค์การที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยและต้องใช้บังคับให้ เสมอภาคกันด้วยหลักคุณธรรม (Merit System) ประการที่สอง ให้ความสำคัญกับความเสมอภาค (Equity) ประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการ บริการสาธารณะที่เสมอภาคกัน เท่าเทียมกันรวมถึงการเข้าถึงบริการสาธารณะนั้นๆอย่างทั่วถึงอีกด้วย ประการที่สาม ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส (Transparency) ภาครัฐดำเนินการใดจะต้องมี กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน สามารถอธิบายอย่างมีเหตุผล มีผลได้รวมถึงการรับรู้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้องเป็นจริงด้วย ประการที่สี่ ให้ความสำคัญกับการพร้อมรับการตรวจสอบ (Accountability) สอดคล้องกับความ โปร่งใสมักต้องไปควบคู่กัน คือโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ประการที่ห้า ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency And Effectiveness) ในการบริหารงานคำสองคำนี้ต้องมีควบคู่กัน กล่าวคือ ประสิทธิภาพเน้นผลผลิต ประหยัด ส่วนประสิทธิผล เน้นเรื่องของการบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงานหรือตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ประการที่หก ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วม (Participation) ภาครัฐต้องเปิดใจให้กว้างพร้อมที่ จะให้ทุกฝ่ายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เข้าร่วมในกระบวนการนโยบายสาธารณะเพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน ประการสุดท้าย ให้ความสำคัญกับมิติมหาชน (Consensus) คือการเห็นพ้องต้องกัน ความเห็น ของคนส่วนใหญ่แต่คนละความหมายกับพวกมากลากไป หมายถึงว่าทุกคนมีโอกาสในการมีส่วนร่วมและ ตัดสินใจภายใต้ข้อมูลข่าวสารที่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ถึงแม้จะถือเสียง ส่วนใหญ่เป็นข้อยุติ แต่จะต้องไม่เพิกเฉยหรือละเลยต่อเสียงส่วนน้อย (Majority Rule, Minority Rights) หลักการและความสำคัญของระบบธรรมาภิบาลข้างต้น หากสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการบริหารภาครัฐ จะก่อให้เกิดระบบคุณธรรม (Merit System) ซึ่งเป็นระบบที่พึงปรารถนาในการบริหารที่ดี เพราะระบบธรรมาภิบาลตามหลักการนี้มีธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การเลิกปฏิบัติภายใต้ ระบบอุปถัมภ์ จะเกิดขึ้นได้น้อยหรือยากกว่าในอดีตที่ผ่านมา การบริหารภาครัฐหรือระบบการบริหารงานที่ สนองตอบต่อความต้องการของประชาชนโดยเสมอภาค เท่าเทียมกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ให้บริการ สาธารณะที่เท่าเทียมกัน รวมทั้งมีความยุติธรรมอันนำไปสู่การบริหารราชการที่ดี (Good Government) ใน ที่สุด ในการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกและเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของรัฐมากขึ้น เพราะแท้จริง แล้วประชาชนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารงานภาครัฐอย่างแท้จริง (Kanapol, 2016)
1
0
การเปลี่ยนปลงแนวคิดเก่าไปสู่รัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่ให้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม บทบาท หน้าที่รับผิดชอบ ในการบริหารจัดการงาน
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
29 พ.ค. 2565
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง63423471141 รัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่’ (New Public Administration: NPA) ซึ่งเป็น การรวมตัวของแนวคิดจากขบวนการเคลื่อนไหวมนุษย์สัมพันธ์ (Human- relations movement) และรัฐประศาสนศาสตร์ที่มุ่งเน้นการเมือง (Political- oriented public administration) (Marini, 1971) ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมที่ Minnowbrook ในปี 1968 ต่างมองเห็นสังคมว่า เต็มไปด้วยการแบ่งแยก กีดกัน ความอยุติธรรม และความไม่เสมอภาคอีกทั้งตัวทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์ที่เกี่ยวกับการบริหารแยกจากการเมือง การแบ่งแยกข้อเท็จจริงออกจากคุณค่า และความสามารถในการตรวจสอบได้แบบประชาธิปไตยแบบตัวแทนต่างส่งเสริมให้เกิดการกดทับและความแปลกแยกในสังคม (White, 1971) ดังนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้จึงผลักดันให้เกิดการปรับ จุดเน้นใหม่ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์โดยเห็นว่ารัฐประศาสนศาสตร์ควรถอยห่างจากการมุ่งแสวงหาการบริหารที่มีประสิทธิภาพไปสู่การศึกษาเชิงโครงสร้างประชาธิปไตยทั้งภายในและภายนอกองค์การภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องความเสมอภาคทางสังคม (Social equality) สำหรับพวกเขาแล้วเป้าหมายขององค์การสาธารณะคือการบรรเทาความทุกข์ทรมานจากเศรษฐกิจ สังคม และทางกายภาพ และส่งเสริมโอกาสในการดำรงชีวิตทั้งภายในและภายนอกองค์การแนวทางเช่นนี้จึงเป็นการเคลื่อนจากศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงทางทฤษฎีไปสู่แนวทางเชิงปทัสถาน (Normative approach) (Harmon, 1971) ในทศวรรษที่ 1970s ภายใต้สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำและการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นปรากฏอยู่ทั่วโลกผลักดันให้ประสิทธิภาพประสิทธิผลและความประหยัดกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนประเด็นอื่นโดยเฉพาะความเสมอภาคทางสังคมทำให้โครงร่างทางความคิดของสำนักรัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่กลายเป็นสิ่งไม่เป็นจริง อย่างไรก็ตามข้อถกเถียง ในเรื่องคำถามเชิงปทัสถานที่มีต่อสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์มิเคยถูกลืมยังคงมีความเป็นไปได้ในมุมมองอื่นๆ ของรัฐประศาสนศาสตร์ที่เน้นการมีส่วนร่วมและความเสมอภาคทางสังคม โดยในต้นทศวรรษที่ 1980s John Rohr (1978, 1986) ได้พัฒนาแนวทางการให้เหตุผลแก่องค์การภาครัฐที่มีพื้นฐานจากการตีความรัฐธรรมนูญอเมริกาอย่างสร้างสรรค์แนวทางรัฐธรรมนูญนิยมแบบ Rohr เป็นเสมือนผู้พิทักษ์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ โดยเฉพาะขบวนการเคลื่อนไหวรัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่ หรือ NPAณ สถาบันเวอร์จิเนียโพลีเทคนิคแห่งเมืองแบล็กเบิร์น เขาได้ผลิตงานเขียนทาง รัฐประศาสนศาสตร์เพื่อปกป้องแนวทางแบบ NPA อย่างต่อเนื่อง จนพัฒนา เป็น ‘แนวทางแบล็กเบิร์น’ (Blackburg Perspective) ซึ่งประกอบสร้างแนวคิดจากสำนักรัฐประศาสนศาสตร์แนวใหม่ (Wamley, et al., 1990)
1
0
แสดงความเห็นประเด็น 1. การบริหารการพัฒนาที่เน้นเศรษฐกิจ 2. เน้นการบริหารโครงการ 3. การบริหารระบบราชการในอนาคต
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
28 ส.ค. 2564
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง 63423471141 การบริหารระบบราชการในอนาคต หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมหรือประเทศก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหรือองค์กรภาครัฐเป็นสำคัญหากองค์กรภาครัฐมีความอ่อนแอทั้งในเชิงโครงสร้าง ระบบอุปถัมภ์นิยม ขาดเทคนิคในเชิงการบริหารจัดการองค์กรการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เป็นฐานรองอำนาจการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงราชการไทย ผู้บริหาร องค์กรที่ยึดเอาความคิดความเห็นของตนเป็นใหญ่เป็นต้น จะทำให้ประเทศด้อยการพัฒนาลงไปเรื่อย ๆ เพราะองค์กรภาครัฐเป็นเครื่องมือที่บ่งบอกว่าสังคมหรือประเทศจะก้าวหน้าหรือถอยหลังซึ่งโลกยุคใหม่มีเทคนิคมากมายที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารองค์ภาครัฐให้มีคุณภาพผนวกกับบริบททางสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโลกยุค 5G ที่ก่อให้การปรับตัวอย่างรุนแรงแบบก้าวกระโดดทั้งในด้านวิทยาการสมัยใหม่ ระบบการ เชื่อมโยงศาสตร์ต่างๆ ทั้งระบบการตัดสินใจในเชิงการบริหารองค์กรภาครัฐ สามารถก่อให้เกิดความรวดเร็วในการ แก้ไขปัญหาของประชาชนบนฐานเทคนิคการบริหารองค์กรภาครัฐด้วยเทคนิค SUPER ได้แก่ 1.Studious หมายถึง ความรอบคอบ 2. Underlie หมายถึง การรองรับ 3. Precipitate หมายถึง การเร่งรัด 4. Expeditious หมายถึง ความรวดเร็ว และ 5. Responsible หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม
1
0
แสดงความเห็นประเด็น 1. การบริหารการพัฒนาที่เน้นเศรษฐกิจ 2. เน้นการบริหารโครงการ 3. การบริหารระบบราชการในอนาคต
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
28 ส.ค. 2564
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง 63423471141 เน้นการบริหารโครงการ เนื้หาของการบริหารโครงการพัฒนาพอแบ่งออกได้คร่าวๆเป็ น 5 ส่วนด้วยกันคือ 1.ประเภทของโครงการพัฒนา 2.สภาพแวดล้อมของการบริหารโครงการพัฒนา 3.การเตรียมและปรับโครงการพัฒนา 4.การนำโครงการพัฒนาไปปฏิบัติ 5.การประเมินผลโครงการพัฒนาและผลกระทบของโครงการพัฒนาการวางแผนระดับชาติ กองการศึกษาและเผยแพร่การพัฒนาสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ชี้ให้เห็นรายละเอียดของการวางแผนระดับชาติรวมถึงกิจกรรมที่ทำ ผู้รับผิดชอบ และวิธีการวางแผนแนวทางการบริหารโครงการพัฒนามักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ แต่โดยส่วนร่วมแล้วการบริหารโครงการพัฒนามักจะเน้นในเรื่องต่างที่เป็นองค์ประกอบของการพัฒนาบริหาร การพัฒนา คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การพัฒนาการเมือง การพัฒนาชนบทและแม้แต่การพัฒนาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
2
1
แสดงความเห็นประเด็น 1. การบริหารการพัฒนาที่เน้นเศรษฐกิจ 2. เน้นการบริหารโครงการ 3. การบริหารระบบราชการในอนาคต
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
28 ส.ค. 2564
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง 63423471141 การบริหารการพัฒนาที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศโลกที่ 3 ได้แก่ ประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่ำจะมีลักษณะดังนี ้ 1.ประชาชนมีคุณภาพชีวิตต่ำ 2.มีความสามารถในการจัดหาผลิตผลเพื่อการบริโภค 3.เป็นผู้ประกอบการผลิตวัตถุดิบเสียเป็นส่วนใหญ่ 4.มีแรงงานส่วนใหญ่อยู่ภาคเกษตรมากกว่าอุตสาหกรรมประเทศที่กำลังพัฒนาหรือประเทศโลกที่สองจะมีลักษณะดังนี้ 1.การขาดสถาบันพื้นเมืองและบุคคลากรที่มีความรู้ความสารถในการแก้ปัญหาของประชาชน 2.หน่วยงานปกครองการบริหารมีความเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งขาดความต่อเนื่องและบางครั้งขาดความชอบธรรม 3.ความพยายามที่จะจัดผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงเข้าไปแทนที่เจ้าของประเทศผู้เคยปกครองก่อให้เกิดช่องว่างในการปกครองการบริหารประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศโลกที่1เป็นประเทศที่มีค่าเฉลี่ยต่อหัวสูงแล้วยังมีอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมีอายุขัยเฉลี่ยและอัตราการอ่านออกเขียนได้สูงไปด้วยความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นผลพวงของปัจจัยหลายประการ กล่าวคือ 1.การงานแผนนโยบายเศรษฐกิจและการนำเอานโยบายเศรษฐกิจไปปฏิบัติโดยผ่านการ บริหารโครงการการพัฒนาต่างๆซึ่งพิจารณาได้จากทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และนโยบายในแต่ละยุคแต่ละสมัย 2.ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นผลพวงมาจากการค้าระหว่างประเทศในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ 3. ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นผลพวงมาจากความช่วยเหลือจากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือ ในรูปให้เปล่า เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การให้ความช่วยเหลือในเรื่อง ของผู้เชี่ยวชาญ
2
0
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
17 ส.ค. 2564
สุปรียา หมื่นทอง63423471141 พัฒนาการบริหารของระบบราชการไทย การบริหารการพัฒนาราชการไทย การบริหารเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่นำมาซึ่ง ความสำเร็จโดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการหรือวิธีการต่างในสมัยเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลง โลกไร้พรมแดนที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์การติดต่อสื่อสารไปมาได้เร็วความต้องการคุณภาพของสินค้า และบริการของลูกค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อการบริหารองค์การ อย่างมากทั้งภาคธุรกิจและระบบราชการ ซึ่งเรียกว่าการบริหาร โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์การบริหารราชการแบบเดิมให้ความสำคัญกับปริมาณทรัพยากรนำเข้า ได้แก่จำนวนงบประมาณอัตรากำลัง อาคารสถานที่และวัสดุครุภัณฑ์ต่างๆมีการใช้กฎระเบียบที่รัดกุมควบคุมการปฏิบัติราชการมิให้ราชการใช้ดุลยพินิจมากเกินไปรวมถึงมีกระบวนการทำงานที่ลดหลั่งตามสายการบังคับบัญชาทำให้บริการที่เป็นผลผลิตของระบบราชการมีต้นทุนสูง และประชาชนผู้รับบริการไม่พอใจบริการที่ล่าช้าไม่สะดวก การมุ่งสัมฤทธิ์ผล (Results Based Management-RBM) เป็นเครื่องการบริหารที่มาพร้อมกับแนวคิดการบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ซึ่งมีการนำมาใช้กับภาครัฐและภาคเอกชนในหลายประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ และฮ่องกง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 3/1 “การ บริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขขงประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อ ภารกิจภาครัฐความมีระสิทธิภาพความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐการลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การ กระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชนทั้งนี้โดยมีผู้รับผิดชอบต่อผลงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้การบริหารกิจการ บ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของ ประชาชน การเปิดเผยข้อมูลการติดตาม การตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ตาม ความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ”
1
0
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
17 ส.ค. 2564
สุปรียา หมื่นทอง63423471141 แนวทางการพัฒนาในระดับจุลภาค ด้านจุลภาค แนวทางการพัฒนาการบริหารอาจครอบคลุมถึงการพัฒนาโครงสร้าง กระบวนการ และพฤติกรรมทางการบริหารการพัฒนาในระดับจุลภาคนี้ ใช้เป็นแนวทางในการศึกษาและบ่งชี้ระดับของการพัฒนาได้ คือ ดัชนีสร้างสัญลักษณ์ (Symbolic Structures) ของ ศาสตราจารย์ Frank W. Young สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลสหรัฐอเมริกา ได้อธิบายว่า“ในสังคมหนึ่ง ๆ จะประกอบด้วยระบบย่อย ๆ แต่ละระบบจะมีลักษณะโครงสร้างที่แตกต่างกัน ความแตกต่างของโครงสร้างนี้สามารถวิเคราะห์ได้จากสิ่งต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมและสัญลักษณ์ทางสังคมเหล่านี้จะเป็นเครื่องชี้แต่ละระบบที่ประกอบขึ้นเป็นระบบใหญ่ขึ้นจะมีปริมาณของสิ่งที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันแตกต่างกันระบบใดมีปริมาณสิ่งของที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันน้อยถือได้ว่ามีระดับทางโครงสร้างต่ำระบบใดมีปริมาณหรือจำนวนสิ่งของที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันมากถือว่ามีระดับความแตกต่างโครงสร้างสูง”โดยนัยแห่งทฤษฎีนี้ ดัชนีของการพัฒนาจึงมีอยู่ที่ระดับความแตกต่างทางโครงสร้างของชุมชนหรือสังคมเป็นสำคัญ ส่วนปัจจัยที่ทำให้ลักษณะโครงสร้างในระบบย่อยเหล่านี้แตกต่างกันหรือมีปริมาณสิ่งของที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันไม่เท่ากัน ได้แก่ การติดต่อสัมพันธ์และการเข้าถึงบริการจากศูนย์กลางหรือระบบใหม่ (Relative Centrality) ของระบบย่อยเหล่านั้น การวิเคราะห์ดัชนีการพัฒนาในระดับจุลภาค ใช้ตัวแปรดังต่อไปนี้ 1. ความแตกต่างทางโครงสร้าง (Structural Differentiation) หมายถึง ระดับหรือปริมาณหมู่บ้านที่เป็นระบบย่อย เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบันที่ปรากฏในชุมชน เช่น โรงเรียน วัด สถานีอนามัย ร้านค้า เป็นต้น 2. การติดต่อกับศูนย์กลางหรือระบบใหญ่ (Relative Centrality) หมายถึง ระดับหรือปริมาณของหมู่บ้านที่เป็นระบบย่อย ได้มีการติดต่อหรือรับบริการจากสถาบันหรือหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนภายนอกมากน้อยเพียงใด สิ่งที่เป็นเครื่องชี้วัด คือ โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ถนน ยานพาหนะ และผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น 3. ความเป็นปึกแผ่นของชุมชน (Solidarity) หมายถึง ระดับหรือปริมาณการแพร่กระจายของสื่อที่กำหนดให้เป็นสัญลักษณ์แทนสถาบัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงปริมาณทักษะ ความรู้ความสามารถของชุมชน เช่น กิจกรรมการรวมกลุ่ม การร่วมประกอบกิจกรรม กลุ่มสหกรณ์ พิธีกรรมชุมชน รวมทั้งจำนวนครั้งในการเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละกิจกรรมด้วย
1
1
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
17 ส.ค. 2564
สุปรียา หมื่นทอง63423471141 การบริหารเพื่อการพัฒนาในยุคต่าง ๆ และรูปแบบของพัฒนาการของการบริหาร ในการพัฒนาประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ยอมรับกันว่าองค์ประกอบที่สำคัญของการบริหารการ พัฒนา คือ การมุ่งเน้นถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโต (economic growth) เป็นหลักใหญ่ดังจะเห็นได้ในประเทศที่กำลังพัฒนาที่เปลี่ยนประเทศให้มีความทันสมัยและกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม (modernization, and industrialization) การบริหารการพัฒนาโดยทั่วไปแล้วเป็นการวางแผนเพื่อให้เกิดความเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจของประเทศ มีการกำหนดการใช้ทรัพยากรเพื่อเพิ่มรายได้ประชาชาติพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ปรับปรุงระบบขนส่งและการสื่อสารคมนาคม ปฏิรูประบบการศึกษา ระบบราชการ และหน้าที่อื่นๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการพัฒนาที่กำหนดไว้ซึ่งต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่เห็นว่าเศรษฐกิจเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่จะต้องบริหารเพื่อให้เกิดการพัฒนา (Irving Swerdlow,1963 p.2) เพราะการพัฒนานั้นจะแบ่งออกเป็นการพัฒนาปัจจัยสี่ประการ คือ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและการบริหาร ดังเช่น การพัฒนาเศรษฐกิจ (economic development) หมายถึง การเพิ่มผลผลิตประชาชาติมวลรวม (gross national Product) การทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนเพิ่ม สูงขึ้น (per capita income) การทำให้การกระจายรายได้เท่าเทียมกันให้มากขึ้น ส่วนการพัฒนาสังคม (social development) หมายถึง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม (social change) ตั้งแต่ทำให้ประเทศมีลักษณะเป็นชุมชนเมือง (Urbanization) ไปจนถึงการพัฒนาการเมือง (political development) ที่หมายถึง การเพิ่มความเท่าเทียมกันในระหว่างประชาชนให้โอกาสแก่ประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในการปกครองตลอดจนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติ (nation cohesion) ให้มากกว่าเดิมสำหรับการพัฒนาการบริหาร (administration development) หมายถึง การนำเอาระบบคุณธรรมมาใช้แทนระบบอุปถัมภ์มีการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐมีการจัดระบบงบประมาณของทางราชการให้มีความยืดหยุ่นมีการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดีทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเรียกว่า เป็นการพัฒนาประเทศ และพัฒนาในด้าน ต่างๆ ดังกล่าวจะต้องจัดทำพร้อมกันไปทุกด้าน แบ่งแยกมิได้ (Indivisibility of Development) เพราะว่าระบบเศรษฐกิจมีหลักเกณฑ์และเหตุผล เศรษฐกิจจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าสังคมไม่เคารพมนุษยชาติถ้าฝ่ายการเมืองไม่มีความรับผิดชอบและฝ่ายบริหารไม่ทำตามกฎหมาย ดังนั้น การพัฒนาจึงจำเป็นต้องพัฒนาพร้อมกันทุกด้าน
1
0
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
12 ส.ค. 2564
@143 ปฤษฎี สวัสดิ์ผล สุปรียา หมื่นทอง ด้วยมาตรการการควนคุมโรคที่ทุกประเทศใช้อยู่ขณะนี้ ตั้งแต่การลดการเดินทางการเข้าออกพื้นที่ การปิดสนามบิน การใช้มาตรการ Social distancing มีการปิดสถานที่ ปิดสถานการค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ปิดเมือง ฯลฯ ย่อมมีผล กระทบไปถึงการชะงักงันของเศรษฐกิจการค้า การทำงานผลิต และ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โรงแรม ร้านอาหาร รวมไปถึงการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันทุกคนมีความกังวล และต้องดูแลปกป้องตัวเองมีการกักตัวอยู่กับบ้าน หลายคนไม่สามารถมาทำงานหาเลี้ยงชีพแบบปกติได้ ธุรกิจจำนวนมากต้องหยุดกิจการ หรือทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา ผู้ขาดรายได้ในรูปแบบ คนไทยไม่ทิ้งกัน แต่ก็ยังเกิดความเครียดและปัญหาทางสุขภาพจิตตามมา การค้าและการลงทุนเกิดผลกระทบค่อนข้างรุนแรง แม้แต่เศรษฐกิจโลกก็กำลังเข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งมีที่มาจากโควิด 19 เป็นสำคัญ
3
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
12 ส.ค. 2564
@Takkapad Dulalumpa สุปรียา หมื่นทอง63423471141 ในยุคสมัยใหม่ มีทฤษฎีที่เกี่ยวกับการพัฒนาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก กลุ่มทฤษฎีที่สำคัญมีดังต่อไปนี้ คือ 1. ทฤษฎีการทำให้ทันสมัย (Modernization Theory) 2. ทฤษฎีจักรวรรดินิยม (Imperialism Theory) 3. ทฤษฎีการพัฒนาอย่างอื่น (Others Development Theories) ทั้งสองทฤษฎีเกิดจากประเพณีการคิดแบบคนในยุโรปและทั้งสองมีความคิดเหมือนกัน คือ มีเป้าหมายการพัฒนาที่จะให้ประเทศกำลังพัฒนาจำเริญรอยตามกระบวนการความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว โดยใช้เวลาน้อยที่สุด เช่น ตามประเทศอุตสาหกรรมให้ทันสมัยในด้านสวัสดิการ แต่ทั้งสองทฤษฎีมีลักษณะตรงกันข้ามเมื่ออธิบายถึงความด้อยพัฒนาและตัวแบบของการเอาชนะความด้อยพัฒนา ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปนี้ คือ ทฤษฎีการทำให้ทันสมัย (Modernization Theories) ประกอบด้วย - ทฤษฎีการทำให้ทันสมัย (Modernization theory) - ทฤษฎีโครงสร้าง (Structural Theory) - ทฤษฎีการแปลงรูป (Transformation Theory) - ทฤษฎีการแพร่กระจาย (Diffusion Theory) - ทฤษฎีการพัฒนาทวิภาค (Dual Development Theory) - ทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่นิยม (Structural-Functionalism Theory) - ทฤษฎีการแก้ปัญหา (Solution Theory) - ทฤษฎีการสะสมทุน (Capital Accumulation Theory) - ทฤษฎีแรงผลักดันเพื่อการพัฒนา (Big Push Theory) - ทฤษฎีการเจริญเติบโตอย่างสมดุล (Theory of Balance Growth) - ทฤษฎีการเจริญเติบโตอย่างไม่มีดุลยภาพ (Theory of Unbalance Growth) ทฤษฎีจักรวรรดินิยม (Imperialism Theories) ประกอบด้วย - ทฤษฎีการพึ่งพา (Dependency Theory) - ทฤษฎีความด้อยพัฒนา (Underdevelopment Theory) ทฤษฎีอื่น (Other Development Theories) เช่น - ทฤษฎีความพอใจในความต้องการขั้นพื้นฐาน (Theory of Satisfaction of Basic Needs) - ทฤษฎีโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Structural Theories of National Relation)
0
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
12 ส.ค. 2564
@143 ปฤษฎี สวัสดิ์ผล สุปรียา หมื่นทอง สภาพแวดล้อมของการบริหารการพัฒนาอาจแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) สภาพแวดล้อมของการบริหารการพัฒนาจากภายนอกประเทศ อันได้แก่ ประชากร เทคโนโลยีและชีวภาพ สิ่งประดิษฐ์คิดค้นด้านสังคม และอุดมการณ์ เป็นต้น 2) สภาพแวดล้อมของการบริหารการพัฒนาภายในประเทศ อันได้แก่ สภาพแวดล้อมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ 3) สภาพแวดล้อมของการบริหารการพัฒนาภายในองค์การ รวมถึงปฏิกิริยาโตต้อบหรือความ ขัดแย้งระหว่างองค์การและบุคคลความขัดแย้งระหว่างความคาดหวังขององค์การและความต้องการของ บุคคล ทั้งนี้รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ภายในองค์การด้วยและปฏิกิริยาโต้ตอบและความขัดแย้งดังกล่าวนี่้เองที่เป็นบ่อเกิดของพฤติกรรม (ที่พัฒนาหรือไม่พัฒนา)ของบุคคล
3
การบริหารการพัฒนา
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
12 ส.ค. 2564
@krittameth777555 สุปรียา หมื่นทอง63423471141 การพัฒนากระบวนการการบริหารมุ่งที่จะขจัดจุดอุดตันของการไหลของงาน การย่นระยะเวลาเดินทางของงานและการทำงานให้ง่ายขึ้นทั้งนี้เพื่อเพิ่มสมรรถนะขององค์การที่จะสนองตอบเป้าหมายการพัฒนาของประเทศเช่นเดียวกันกับการพัฒนาโครงสร้างทางการ บริหาร อย่างไรก็ดีการพัฒนากระบวนการการบริหารดังกล่าวน้ีมีความสัมพนัธ์กับการพัฒนาโครงสร้าง ทางการบริหารและเทคโนโลยีที่องค์การกำลังใช้อยู่เป็นอันมากที่ว่าการพัฒนากระบวนการการบริหารมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาโครงสร้างทางการบริหารน้ัน อธิบายได้ว่า หากองค์การตัดสินใจเลือกใช้ รูปแบบโครงสร้างทางการบริหารรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง กระบวนการบริหารก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปดว้ย เช่น การส่งข่าวสารจากลูกนอ้งไปยังหัวหน้าตามโครงสร้างทางการบริหารตามรูปแบบ 1 จะกินเวลามากวา่ รูปแบบ 3 เป็นต้น
1
จริยธรรม...Module 1-3 ให้แสดงความคิดความเห็นที่นีครับ
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
02 พ.ค. 2564
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง 63423471141 จริยธรรม เป็นหลักการ (Principle) ที่บุคคลยึดถืออยู่ในใจในการตัดสิน ความถูก-ผิด ดี-เลว ควร-ไม่ควรทํา ของพฤติกรรมต่าง ๆ จริยธรรมของบุคคล อาจกําหนดตามหลักกฎหมาย ความเชื่อ และค่านิยมของบุคคลนั้น ๆ จรรยา ความประพฤติและการปฏิบัติที่ถือว่ามีความถูกต้อง ดีงาม ควรทํา ตามหลัก จริยธรรมของกลุ่มบุคคลในอาชีพหนึ่ง ๆ เช่น จรรยาแพทย์จรรยาข้าราชการ ฯลฯ และอาจกําหนดอย่างชัดเจนเป็นข้อ ๆ เรียกว่า จรรยาบรรณ ค่านิยม สิ่งที่น่าปรารถนา มีลักษณะที่ดีงาม ถูกต้อง ใกล้เคียง กับคุณธรรมและจริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมต่าง ๆ เป็นสาเหตุของการทําดีละเว้นความชั่วซึ่งคนมักเข้าใจว่า หาก บุคคลมีคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมแล้ว จะเป็นผู้มีพฤติกรรมทางจริยธรรมที่เหมาะสมด้วย แต่จาก การศึกษาวิจัยทางจิตวิทยาพบว่า การที่บุคคลรู้ว่าอะไรดีชั่วเหมาะสมหรือสําคัญนั้นไม่เพียงพอทําให้ เขามีพฤติกรรมตามนั้น คนที่ทําผิดกฎหมายมิได้ทําไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ทําผิดทั้งที่รู้ว่าเป็นความผิด นักวิชาการพบว่า ลักษณะทางจิตใจที่จําเป็นต้องมีอยู่ในบุคคลและทําให้คน ทําความดีอย่างจริงจังและสม่ำเสมอคือ จริยธรรม (เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างอื่นอีกมั้ยคะ?)
3
จริยธรรม...Module 1-3 ให้แสดงความคิดความเห็นที่นีครับ
In General Discussions
สุปรียา หมื่นทอง
02 พ.ค. 2564
นางสาวสุปรียา หมื่นทอง 63423471141 ข้อแตกต่างระหว่างจริยธรรมและกฎหมาย จริยธรรม 1.เป็นเครื่องมือควบคุมพฤติกรรมระดับสูงของมนุษย์ 2.ไม่มีการลงโทษตามกฎหมายแต่ลงโทษโดยสังคม 3. เป็นการควบคุมพฤติกรรมจากภายใน 4.เป็นข้อบังคับของสังคมที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร 5.เป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ทำเพราะเห็นว่าถูกต้องและ ภูมิใจที่ได้ทำ กฎหมาย 1.เป็นเครื่องมือควบคุมพฤติกรรมระดับต่ำของมนุษย์ 2.มีบทลงโทษชัดเจน 3.เป็นการควบคุมพฤติกรรมภายนอก 4.เป็นข้อบังคับของรัฐที่เป็นลายลักษณ์อักษร 5.เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการที่ต้องทำหรือต้องละเว้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพื่อนๆมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยคะ?
2

สุปรียา หมื่นทอง

ขั้นตอนดำเนินการอื่นๆ
bottom of page